วันจันทร์ที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ The Genie Within อานุภาพจิตใต้สำนึก

หนังสือ The Genie Within อานุภาพจิตใต้สำนึก

หนังสือ The Genie Within อานุภาพจิตใต้สำนึก

เขียนโดย แฮร์รี่ ดับบลิว คาร์เพนเตอร์
แปลโดย พรรณี ชูจิรวงศ์

ปัจจุบัน มีหนังสือหลายเล่ม และหลักสูตรสัมมนามากมายเกี่ยวกับพลังอำนาจของจิตใต้สำนึก บ้างก็ออกแนวชวนเชื่อเหมือนเป็นพลังวิเศษ พลังลึกลับที่ไม่อาจอธิบายได้ และรู้สึกว่ามันออกจะเหนือจริงไปสักหน่อย ทว่า ผู้เขียนการอธิบายในเชิงวิทยาศาสตร์ได้อย่างมีเหตุ และผลมากพอสมควร และมันน่าทึ่งที่ได้เรียนรู้ละเอียดขึ้นถึงความอัศจรรย์ของสมองมนุษย์ หากศึกษาในแง่จิตวิทยาจะพบว่า จิตของมนุษย์แบ่งออกเป็นหลายระดับ ทั้งจิตสำนึก จิตใต้สำนึก จิตไร้สำนึก และถึงขั้นจิตเหนือสำนึกกันเลยด้วยซ้ำ แล้วพวกมันแตกต่างกันอย่างไร มีผลกับชีวิตเรามากถึงขนาดที่เราต้องใส่ใจศึกษากันเลยเชียวหรือ คำตอบคือควรจะ เพราะอะไรที่รู้ได้ก็ควรรู้ โดยเฉพาะสิ่งที่อาจส่งผลกระทบต่อชีวิตเรา ใส่ใจกันสักหน่อย รู้ไว้ไม่เสียหลาย ยิ่งมีคนศึกษาค้นคว้าจากแหล่งข้อมูลมากมาย และนำมากลั่นกรองสรุปให้เราเหลือแค่ไม่กี่หน้ายิ่งดี และถ้ายิ่งอ่านง่าย เขียนภาษาไม่คนธรรมดาอย่างเราๆ ท่านๆ อ่านรู้เรื่องยิ่งดีเข้าไปใหญ่

เพราะทุกสิ่งในชีวิตไม่ใช่เรื่องบังเอิญ มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เกี่ยวพันกันอย่างรู้ตัวบ้าง ไม่รู้ตัวบ้าง และการไม่รู้ตัวนี่แหละที่เขาบอกว่ามาจากจิตใต้สำนึก คงดีไม่น้อยหากเราจะได้เรียนรู้ และเข้าใจจิตใต้สำนึกของเรามากขึ้น และรู้จักวิธีที่จะสั่งการมันเพื่อประโยชน์สุขของเราเอง และผู้อื่น ก็ต้องขอบคุณผู้เขียนที่นำข้อมูลมากมายที่เขาศึกษาตลอดชั่วชีวิตมาบอกเล่าต่อให้เราได้รับรู้ถึงพลังอานาจที่มีอยู่ในตัวเราเองอยู่แล้ว แค่ต้องหัดสั่งการมันอย่างถูกวิธีเท่านั้น ของดีอยู่กับตัวอยู่แล้วนี่ ลองฝึกกันสักตั้งจะเป็นไร

เนื้อหาในหนังสือเล่มนี้ตั้งใจจัดทำขึ้นเพื่อคนธรรมดาสามัญที่ปราถนาจะมีสุขภาพแข็งแรง ดำรงชีวิตอย่างไม่เจ็บไม่ไข้ เปลี่ยนแปลงเป็นคนที่ดียิ่งขึ้น ปรับปรุงทักษะ และได้สัมผัสกับความสงบทางจิตใจ เนื้อหานี้ไม่ได้ตั้งใจจะมาแทนที่การบำบัดของแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพแต่อย่างใด วิธีที่คุณสามารถนำข้อมูลในหนังสือเล่มนี้ไปใช้มีมากมายไม่จำกัด

วันอาทิตย์ที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ The sales success handbook พิชิตฝัน นักขาย

หนังสือ The sales success handbook พิชิตฝัน นักขาย

หนังสือ The sales success handbook พิชิตฝัน นักขาย

เขียนโดย Linda Richadson
แปลและเรียบเรียงโดย รศ.ศศนันท์ วิวัฒนชาต และพรปรียา วิวัฒนชาต

ถึงแม้ว่าทุกวันนี้จะมีนักขายมากมาย แต่ทว่านักขายที่ประสบความสำเร็จในอาชีพนั้นกลับมีไม่มากเท่าที่ควร การขายในยุคปัจจุบันแตกต่างไปจากสมัยก่อนมาก สิ่งที่นักขายต้องทำคือ การแสดงให้ลูกค้าของคุณเห็นว่าผลิตภัณฑ์ของคุณจะช่วยแก้ปัญหาได้ตามความต้องการของลูกค้าได้อย่างไร คุณจะต้อง ฟัง ฟัง และฟังลูกค้า และค้นหาให้พบว่าเขาต้องการอะไร

หนังสือพิชิตฝันนักขายเล่มนี้จะช่วยพัฒนาคุณให้กลายเป็นนักขายที่ยอดเยี่ยม จากบทเรียนทั้ง 20 ข้อ ที่จะทำให้คุณสามารถเปิด และปิดการขายได้ทันที และนำพาคุณให้ไปถึงฝั่งฝัน เป็นนักขายที่ประสบความสำเร็จในที่สุด

การแข่งขันในโลกธุรกิจ ปัจจุบันทำให้นักขายต้องมีการฝึกฝน พัฒนาตนเองให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลานักขายในยุคสร้างสัมพันธภาพนี้ จำเป็นต้องมีความสามารถในการวิเคราะห์ลูกค้า ตลาด รอบรู้ถึงสินค้า คู่แข่งขัน และปรับเทคนิคการทำงานให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ทำให้มีโอกาสขายได้มากขึ้น

หนังสือพิชิตฝันนักขาย 20 บทเรียนสำหรับการเปิด และปิดการขายให้สำเร็จได้ทันทีเล่มนี้ จะช่วยให้ท่านได้เรียนรู้ถึงความต้องการของลูกค้าจากลูกค้า เพื่อนำมาใช้ในการเปิดการขายให้ตรงใจ ทักษะการตั้งคำถาม การฟัง และการเสนอขาย การใช้ข้อโต้แย้ง เปิดเกมรุก และนำไปสู่การปิดการขายในที่สุด จึงเหมาะกับนักขายที่ต้องการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาทักษะในการทำงานให้เป็นนักขายมืออาชีพในอนาคต ตลอดจนนิสิตนักศึกษา และผู้ที่สนใจทั่วไป

เนื้อหาหนังสือประกอบด้วย

20 บทเรียนสำหรับเปิด และปิดการขายให้สำเร็จได้ทันที

การเจรจาขาย
สร้างบทสนทนา
เตรียมตัวให้พร้อมอยู่เสมอ
ลับทักษะที่สำคัญของคุณให้แหลมคม
เปิดการขายโดยมุ่งเน้นที่ลูกค้าของคุณ
สร้างความเกี่ยวพันกับลูกค้า
กำหนดวิธีการตั้งคำถามของคุณ
พัฒนากลยุทธ์ในการตั้งคำถามของคุณ
คิดถึงคำถาม
จัดทำบทสทนาที่สอดคล้องกับความต้องการที่แท้จริง
มุ่งเน้นว่าคุณสามารถถามคำถามได้อย่างมีทักษะมากน้อยเพียงใด
การฟังอย่างมีประสิทธิภาพ
วางตำแหน่งคำพูดของคุณ
วิเคราะห์คู่แข่งของคุณ
ใช้ข้อโต้แย้งเพื่อเปิดเกมรุกไปข้างหน้า
หมั่นตรวจสอบผลตอบรับจากลูกค้า
อย่าเจรจาเร็วเกินไป
ทำการปิดการขายเสมือนว่าเป็นกระบวนการอย่างหนึ่ง
ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรต่างๆ ทั้งหมด
การติดตามผลอย่างไร้ที่ติ
หาโอกาสที่ดี และเหมาะสม
ทำให้การขายเกิดขึ้นจริง

ขอให้สนุกกับงานขายของคุณ อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะพบว่าชัยชนะในการขายของคุณรออยู่ไม่ไกลเกินที่จะไขว่าคว้า

วันเสาร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ ยอดนักจำต้องทำอย่างนี้

หนังสือ ยอดนักจำต้องทำอย่างนี้

หนังสือ ยอดนักจำต้องทำอย่างนี้


เขียนโดย แฮร์รี่ โลเรน
แปลเรียนเรียงโดย ธรรมรงค์ น้อยคูณ

หากเราศึกษาชีวประวัติ และผลงานของบรรดานักธุรกิจ นักบริหาร นักการธนาคาร กระทั่งนักการเมืองระดับรัฐบุรุษอย่างละเอียดแล้ว จะพบว่าบรรดาบุคคลสำคัญผู้ก้าวสู่จุดสูงสุดของแต่ละสาขาวิชาชีพเหล่านี้ มีคุณสมบัติเหมือนกันอยู่ประการหนึ่ง คือ จำแม่น หรือมีความจำเป็นเลิศ และบุคคลเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นผู้รู้จักใช้ความจำ มาเสริมสร้างสมรรถนะในการทำงาน และเสริมสร้างบุคลิกภาพที่น่ารักน่าประทับใจ จนชนะคนรอบข้าง และสาธารณะชน

จริงอยู่ ผู้ที่บรรลุความสำเร็จเหล่านี้ มักเป็นคนประเภทฉลาด สมองดี ซึ่งหมายถึงมีความจำดีด้วย กระนั้นก็มิได้หมายความว่า ผู้ที่มีมันสมองระดับปานกลางหรือด้อยกว่านั้น จะต้องผูกติดกับลักษณะความจำไม่ดี ลืมง่าย ชนิดแก้ไขไม่ได้ แท้จริงแล้วคนที่ฉลาด สมองดี เพียงแต่ตระหนัก และเริ่มต้นฝึกฝนทักษะการจำทันทีที่เข้าสู่ระบบการศึกษา ขณะที่คนที่มีมันสมองระดับปานกลางหรือด้อยกว่านั้น ยังไม่ตระหนัก และยังไม่ได้เริ่มต้นฝึกฝนทักษะส่วนนี้

ถึงที่สุดแล้ว ความจำ เป็นเรื่องของทักษะ ขึ้นอยู่กับการฝึกหัดฝึกฝน และทุกคนมีความเสมอภาคโดยถ้วนหน้า ที่จะพัฒนาความเป็นผู้มีความจะเป็นเลิศ "ยอดนักจำต้องทำอย่างนี้" เป็นหนังสือที่ให้ระบบ และหลักการพื้นฐานสำหรับฝึกความจำ โดยไม่อ้อมค้อม ไม่กล่าวอรัมภบทในเรื่องศาสตร์แห่งการเรียนรู้ หรือแจกแจงลักษณะทางกายภาพของสมองของคนเราให้มากความ หากแต่ลัดสู่เทคนิคการพัฒนาความจำ ให้ผู้อ่านเริ่มต้นการฝึกหัดฝึกฝนตนเองได้ทันที ด้วยวิธีการที่ง่าย เพลิดเพลิน ค่อยๆ ซึมซับ กระทั่งเกิดผลทันใจ

เนื้อหาหนังสือประกอบด้วย

1. คุณช่างสังเกตุเพียงใด
2. นิสัยคือความจำได้
3. ทำสอบความจำของคุณ
4. ความสนใจในการจำ
5. วิธีเกี่ยวโยงความจำ
6. ระบบตาขอแขวนหมวก
7. การใช้ระบบเชื่อมโยง และระบบตาขอแขวนหมวก
8. ฝักหัดสังเกตุ
9. วิธีการจำเกร็ดความรู้ สุนทรพจน์ บทความ บทละคร
10. วิธีจำไพ่
11. วิธีจำตัวเลขหลายหลัก
12. การจำ วัน-เดือน-ปี
13. วิธีจำชื่อและใบหน้า
14. จำชื่อและใบหน้าเพิ่มเติม
15. จำข้อเท็จจริงเกี่ยวกับบุคคล
16. ความสำคัญของการจำ
17. จำเวลานัดหมาย และกำหนดการ
18. การจำวันครบรอบปี วันเกิด และวันสำคัญอื่นๆ
19. การใช้ระบบต่างๆ

ด้วยหนังสือยอดนักจำต้องทำอย่างนี้ ท่านผู้อ่านจะพัฒนาตนเองไปสู่การเป็นผู้มีความจำดีเลิศในเวลาไม่นาน ซึ่งนอกจากเป็นการพัฒนาขีดขั้นของศักยภาพทางสมอง ความคิด ความอ่าน ยังเป็นการนำพลังงานในตัวคุณมาใช้ได้เต็มที่ขึ้น ซึ่งจักมีประสิทธิผลต่อบุคลิกภาพ และสมรรถนะการทำงานของคุณ

วันศุกร์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ Big Boss Big Idea ภารกิจเถ้าแก่ยุคใหม่

หนังสือ Big Boss Big Idea ภารกิจเถ้าแก่ยุคใหม่

หนังสือ Big Boss Big Idea ภารกิจเถ้าแก่ยุคใหม่

เรียบเรียงโดย พิสชา เดือนเพ็ญ

หนังสือเล่มนี้ได้ประมวลสิ่งที่เราถือว่าเป็นแก่นแท้ของแนวความคิดของนักเขียนเกี่ยวกับการจัดการ และของผู้จัดการขั้นนำระดับโลก อย่างไรก็ตามเรานำเสนอความคิดเหล่านี้โดยเน้นความสำคัญ เรียงลำดับก่อนหลัง และแปลความหมายของมันด้วยตัวเราเอง หนังสือเล่มนี้เป็นคู่มือจำเป็นอย่างขาดเสียมิได้สำหรับผู้จัดการ เพราะสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อย่างฉับพลันในการดำเนินงานประจำวัน ดังนั้นผู้จัดการจึงควรเก็บมันไว้ใกล้มือตลอดเวลา หนังสือเล่มนี้แปลความหมายแนวความคิดต่างๆ ของนักคิดระดับโลกในด้านการจัดการ และทำให้เข้าใจได้ง่ายขึ้นไม่ว่าจะเป็นความคิดของ ปีเตอร์ เอฟ. ดรักเกอร์, คูนด์ แมคโดนัล, ฮัมเบิล, เออวิคก์ และโอดอนเนลล์ โดยย่นย่อให้เป็นกฏเกณฑ์ที่เข้าใจได้ด้วยสามัญสำนึก แทนที่จะเอาหนังสือเกี่ยวกับการจัดการเล่มหนาๆ หลายๆ เล่มโถมทับใส่คุณ

สิ่งที่ปีเตอร์ ดรักเกอร์ ปรมาจารย์แห่งการจัดการบอกเราคือ ปัจจุบันเรากำลังอยู่ในโลกแห่งองค์การ และองค์การครอบงำชีวิตเรา ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ชอบก็ตาม แต่องค์การนั่นเองทำให้เรามียาสีฟัน และสบู่ใช้ในชีวิตประจำวัน ผลิตรถยนต์ที่เราขับ วางรางรถไฟ ต่อเรือและเครื่องบินที่เราใช้เดินทาง รวมทั้งผลิตอาหารและเสื้อผ้าที่เรากินเราใช้อีกด้วย องค์การยังให้งานเราทำ และให้รายได้แก่เรา ดรักเกอร์ย้ำว่าถ้าองค์การได้รับการจัดการเป็นอย่างดี สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาก็คือโลกนี้จะดีขึ้น ในทางกลับกัน ถ้าองค์การได้รับการจัดการที่ไม่ดี โลกก็จะไม่ดีด้วยเช่นกัน การจัดการที่ดี ซึ่งครอบคลุมชีวิต และกิจกรรมทุกด้านของเรา จึงกลายเป็นความจำเป็นอย่างยิ่ง มันคือกุญแจที่จะไขไปสู่ความสำเร็จของปัจเจกชน เช่นเดียวกับเป็นกุญแจแห่งความสำเร็จสำหรับบริษัท และสำหรับประเทศชาติด้วย

ปัจจุบันองค์การวิสาหกิจหลายแห่งทั่วโลกทำงานโดยใช้สมรรถภาพที่มีอยู่เพียง 50% เท่านั้น ถ้าองค์การวิสาหกิจเหล่านี้ทำงานเต็มตามสมรรถภาพของมัน ปัญหา และความยุ่งยากต่างๆ เป็นอันมากจะมลายหายไปสิ้น การจัดการที่ดี และการจัดการที่ดีเท่านั้น จึงจะทำให้องค์การต่างๆ ทำงานโดยใช้สมรรถภาพเต็ม 100% ที่เป็นเหตุที่ทำให้การศึกษาเรื่องเกี่ยวกับการจัดการมีความสำคัญมากในปัจจุบัน และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมหนังสือเล่มนี้จึงเป็นหนังสือที่ขาดเสียไม่ได้สำหรับทุกคนที่ต้องการจัดการองค์การ ไม่ว่าจะเป็นผู้อำนวยการจัดการขององค์การข้ามชาติขนาดยักษ์ หรือผู้จัดการของรัฐวิสาหกิจ หรือนายทหารระดับสัญญาบัตร หรือข้าราชการ หรือซูเปอร์ไวเซอร์ในโรงงาน หรือผู้บริหารมาหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับเจ้าของภัตตาคารเล็กๆ ซึ่งมีพนักงานเสิร์ฟเป็นผู้ช่วยเท่านั้น หนังสือเล่มนี้ยังมีคุณค่าอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่กำลังศึกษาวิชาการจัดการอีกด้วย

หนังสือเล่มนี้แม้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาทุกอย่างให้ได้ แต่มันจะชี้ให้ผู้ที่กำลังทำหน้าที่จัดการรู้ว่าความผิดพลาดที่กำลังเกิดขึ้นคืออะไร และช่วยพวกเขาให้รู้จักวางแผนการเพื่ออนาคต การรับมือกับปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นงานของผู้จัดการทุกคน หนังสือเล่มนี้จึงเป็นคู่มือสะดวกใช้ ซึ่งจะช่วยให้เอาชนะปัญหาเหล่านี้ได้อย่างไม่ชักช้า

วันพฤหัสบดีที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ Secrets of a Super Memory - พัฒนาความจำสู่ความเป็นอัจฉริยะ

หนังสือ Secrets of a Super Memory - พัฒนาความจำสู่ความเป็นอัจฉริยะ

หนังสือ พัฒนาความจำสู่ความเป็นอัจฉริยะ


เขียนโดย Eran Katz 
แปลและเรียบเรียงโดย เจิดจรัส

จากหนังสือ สู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง ซึ่งแปลจาก Jerome Becomes a Genius ของ Eran Katz ชาวยิวผู้ได้รับการยกย่องจาก Guinness Book อิสราเอล ว่า "มีความจำเป็นเลิศ" เนื้อหาหลักๆ เป็นการยกย่องค้นหาคำตอบว่า "ทำไมคนยิวจึงฉลาด" โดยใช้การนำเสนอคล้ายนวนิยายผ่านบทสนทนาที่คมคาย และขบขัน ด้วยเนื้อหาที่อ่านสนุก และแตกต่างจากหนังสือ How to ทั่วๆ ไป ทำให้ได้รับการพิมพ์ซ้ำกว่าสิบครั้ง

สิ่งหนึ่งที่น่าอัศจรรย์มากของหนังสือเล่มนี้คือ อ่านแล้วฮึกเหิม เกิดความเชื่อมันในศักยภาพของตนเอง เกิดไอเดียความคิดอย่างมากมายพลุ่งพล่านเต็มไปหมด รวมทั้งอยากลงมือทำงานอย่างแรงกล้า และเป็นการทำงานด้วยอารมณ์ความรู้สึกว่ามันสนุกเร้าใจเหลือเกิน นี่คือหนังสือ How to ในหมวดหมู่การพัฒนาตนเอง ซึ่งทำให้คนเกลียดหนังสือ How to สุดขั้วอ่านจบลงด้วยความชื่นชอบประทับใจ และต้องโค้งคารวะงามๆ การอธิบายของคุณเอรัน คัทซ์ ก็จำแนกเหตุผลต่างๆ อย่างหนักแน่นรัดกุม กระทั่งทำให้ทัศนะความคิดบางประการที่ค่อนข้างยุ่งเหยิงกระจัดกระจาย สามารถเข้าที่เข้าทางเป็นระเบียบมากขึ้น

คนเรามีวิธีการเรียนรู้ฝึกฝนตนเองได้หลายวิธี แต่ที่รวบรัดประหยัดเวลา และน่ารื่นรมย์มากที่สุดคือ เรียนรู้จากคนที่เก่งกว่า การอ่านหนังสือสู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง และ พัฒนาความจำสู่ความเป็นอัจฉริยะ คือวิธีการเรียนรู้จากคนที่เก่มมาก และฉลาดมาก ด้วยฝีมือการเขียนที่ได้รับการพิสูจน์แล้วจากเล่มแรก มาถึงเล่มนี้ เอรัน คัทซ์ ก็ยังคงรักษาคุณภาพไว้ได้อย่างดีเยี่ยม เพียงแต่ปรับเปลี่ยนวิธีนำเสนอให้แตกต่างจากเล่มแรก เพื่อให้สอดคล้องกับเทคนิคอันหลากหลายที่ปรากฏในเล่มนี้ สิ่งสำคัญที่ต้องเน้นย้ำกับผู้อ่านก็คือ ขอให้ทดลองฝึกฝนในทุกเทคนิค แล้วเลือกเทคนิคที่เราถนัดหรือชอบมากที่สุด จากนั้นก็ต้องหมั่นฝึกฝนเทคนิคที่เลือกแล้วอย่างต่อเนื่อง จึงจะสามารถพัฒนาความจำได้แม่นยำ และยาวนานเรียกขึ้นมาใช้ได้ทันทีที่ต้องการ นับจากนี้เวลาสีเขียวในสมองของคุณได้เริ่มขึ้นแล้ว

เนื้อหาหนังสือประกอบด้วย

Part 1 ปรับความคิด
1 โกหกคำโต
2 แนวทางใหม่
3 แบบทดสอบความจำ

Part 2 หนังการง่ายๆ ที่ช่วยให้มีความจำดีเยี่ยม
4 "หวัดดีรอน...เอ๊ย...ดร ผมหมายถึงจร..."
5 เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึง...
6 หาความน่าสนใจในเรื่องที่อยากจำ
7 การจัดกลุ่มและอักษรย่อ
8 วิธีการห้องโรมัน

Part 3 วิธีจำทุกเรื่องที่ต้องการจำอย่างง่ายดาย
9 การจำรายการสิ่งที่จะต้องทำ
10 กุญแจอยู่ไหนนะ...เมื่อกี้เรายังถืออยู่เลย!
11 การแปลงตัวเลขเป็นตัวอักษร
12 สมุดโทรศัพท์ที่สมบูรณ์แบบ
13 วิธีจำข้อมูลที่เป็นตัวเลข
14 ความจำเป็นเลิศสำหรับการเรียนและการสอบ
15 ความจำอัจฉริยะสำหรับการบรรยาย
16 ความจำอัจฉะริยะในด้านภาษาและคำศัพท์
17 "เราเคยพบกันก่อนไหม คุณดูคุ้นๆ นะ..."
18 นามนั้นสำคัญไฉน
19 วิธีการสุดยอดที่มืออาชีพใช้ในการจำชื่อและใบหน้าบุคคล

Part 4 การแสดงกลความจำที่น่าทึ่ง

20 วิธีจำชื่อคนกลุ่มใหญ่ได้ตั้งแต่แรกพบ
21 "ห้าปีต่อมา" วิธีใดได้ผลสำหรับคุณและคุณจำใครได้บ้าง
22 การแสดงมายากลด้วยไพ่
23 การแสดงทักษะการจำตัวเลข

วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ Jerome Becomes a Genius - สู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง

หนังสือ Jerome Becomes a Genius - สู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง

หนังสือ สู่ความเป็นอัจฉริยะด้วยการพัฒนาพลังสมอง
เขียนโดย Eran Katz 
แปลและเรียบเรียงโดย เจิดจรัส

ชาวยิว คนกลุ่มเล็กๆ ของโลกที่มีความเป็นเอกลักษณ์ด้านการใช้ภูมิปัญญา ชนชาติยิวเป็นชนชาติที่ประสบความสำเร็จและมีชื่อเสียงแทบทุกสาขาทั่วโลก เช่น โมเสส, ซิกมุนด์ ฟรอยด์, แอลเบิร์ต ไอน์สไตน์, สตีเวน สปีลเบิร์ก, แฮร์ริสัน ฟอร์ด ฯลฯ และรายชื่ออีกยาวเหยียดในแฟ้มบุคคลสำคัญ หนังสือเล่มนี้จะไขปริศนาว่าทำไมคนยิวถึงฉลาด เป็นเลิศด้านความทรงจำและภูมิปัญญา อีกทั้งเป็นหนังสือที่ถ่ายทอดในบรรยากาศแบบสภากาแฟ การดำเนินเนื้อหาเหมือนนังเทิงคดีที่ไม่ได้ออกมาในรูปของทฤษฏีน่าปวดหัว

เนื้อหาหนังสือประกอบด้วย
1 : การนัดพบที่คาเฟลาดิโน - จุดเริ่มต้นและการพัฒนาพาทีของสามหนุ่ม ที่ตั้งใจแน่วแน่เพื่อค้นความลับในปริศนาของสมญา "ชาวยิวฉลาด"
2 : ความเชื่อเรื่องความฉลาดแบบชาวยิว - แม้เป็นชนกลุ่มน้อย แต่ประสบความสำเร็จอย่างใหญ่หลวง และมีอิทธิพลในแทบทุกวงการระดับโลก
3 : คำพยากรณ์ของฟรังเคิล-หลักการแห่งจินตนากร - จิตนาการเรื่องที่เหลือเชื่อที่สุดที่คุณจะคิดได้ ดังเป้าหมายที่ดูจะเกินความจริงนั้นไว้ แล้วคิดในแบบที่ปฏิบัติได้ แล้วเจอโรมก็รับคำท้าอันยิ่งใหญ่เกินคาด
4 : ภูมิปัญญาเพื่อความอยู่รอด-หลักการหนูเร่ร่อน - เพื่อจะพัฒนาภูมิปัญญา และพบความสำเร็จ คุณไม่ควรรู้สึกพอใจกับสภาพที่เป็นอยู่
5 : เหตุใดชาวยิวจึงมักตอบด้วยคำถาม-หลักการแห่งความเข้าใจสูงสุด - เพื่อที่จะเรียนรู้ตลอดกาล จงตั้งคำถาม และอย่าเชื่ออะไรโดยไม่คิด เพราะยิ่งคิดมากยิ่งพัฒนาสมอง
6 : ความคิดสร้างสรรค์แบบชาวยิว-หลักการแห่งการยกระดับ - จงเป็นนักเลียนแบบที่มีความคิดสร้างสรรค์ ไม่ต้องคิดค้นเริ่มใหม่ แต่ควรจะใช้สิ่งที่มีอยู่แล้วในทางที่สอดคล้องกับความต้องการ
7 : หาคนต้นแบบที่ดีเด่นให้ตัวคุณเอง-หลักการแห่งแรงบันดาลใจ - หาใครสักคนเพื่อเลียนแบบ อาจเป็นนักเขียน ศาสตราจารย์ นักกีฬา หรือนักร้อง ประเด็นสำคัญควรเป็นคนที่มีคุณค่า
8 : จงจำไว้เสมอ อย่าลืม-การจูงใจแบบชาวยิว - จงจำทุกอย่างเพื่อมีชีวิตรอด นี่คือเหตุผลที่ชาวยิวต้องไว้ใจในความทรงจำ จึงต้องพัฒนาเทคนิคความจำเสมอมา
9 : กลวิธีการเขียนที่มีประสิทธิผล - สมองมนุษย์ก็คล้ายกับคอมพิวเตอร์มือถือที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อให้เข้าใจ และอ่านตัวอักษรที่เขียนแยกจากกันได้ดีกว่าที่เขียนติดกัน
10 : อุตสาหกรรมการผลิตภูมิปัญญา-เคล็ดลับการเรียนในอิสราเอล - การเคลื่อนไหวร่างกายอย่างมีความสุข ช่วยให้คนเรากระตือรือร้นได้ดี หรือจะสร้างความกระตือรือร้นเทียมด้วยการตะโกนก็ยังได้
11 : การสัมมนาเรื่องการพัฒนาความจำของเจอโรม ตอนที่ 1 ข้อแนะนำเพื่อเพิ่มสมาธิและความสามารถในการเรียน - เมื่อเธอเรียน จงทุ่มเทตัวเองให้กับการเรียนอย่างจริงจัง และเมื่อเธอพัก อย่าคิดถึงวิชาที่เรียน
12 : การสัมมนาเรื่องการพัฒนาความจำของเจอโรม ตอนที่ 2 วิธีพิเศษที่ใช้จดจำข้อมูลจำนวนมากในระยะเวลาสั้นๆ - การจะจดจำอะไรบางอย่าง ต้องแปลงสิ่งนั้นให้เป็นภาพที่มีพลังพิเศษ จิตใจเราจะรักษาภาพนั้นไห้เป็นระเบียบ และเรียกออกมาใช้ได้ในชั่วพริบตา
13 : ระบบแฟ้มความจำ-วิธีจำงาน รายชื่อ และเรื่องตลก - เชื่อมโยงความสัมพันธ์ที่เราสร้างขึ้นเป็นสัญลักษณ์ภาพแทนเหตุการณ์ เพียงแค่นึกเราก็จะปะติดปะต่อเรื่องราวยาวๆ ได้ดี
14 : วิธีการอันน่าทึ่งในการเรียนภาษาและคำศัพท์ - ชาวยิวฝึกพูดโดยนำคำภาษาอื่นมาแทนที่คำในภาษาตนเองให้เป็นปกติ และเพิ่มจำนวนคำมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่ว่าพวกเขาจะไปอยู่ ณ ที่แห่งใด
15 : วิธีจำชื่อและหน้าคน - จงสนใจในตัวบุคคล และตระหนักถึงความรู้สึกที่มีต่อเขา หาสิ่งเชื่อมโยงชื่อและหน้าตา และจากลาด้วยสิ่งที่ประทับในความทรงจำ
16 : บทสรุปของความสำเร็จเจอโรม-เจ้าแห่งความฉลาดสุดๆ - ภูมิปัญญาแห่งความทรงจำอันทรงพลังของเจอโรม ทำให้เขาพบความสำเร็จทุกด้านของชีวิตในระยะเวลาที่สั้นกว่าใครๆ

ลองหาหนังสือเล่มนี้มาอ่านแล้วฝึกพัฒนาพลังสมองไปพร้อมกัน แล้วจะพบว่าความอัจฉริยะในตัวคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนน่าแปลกใจ

วันอาทิตย์ที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ 77 วิทยากล วิทยาศาสตร์ 2 ยิ่งเล่นยิ่งสนุก ยิ่งคิดยิ่งฉลาด

หนังสือ 77 วิทยากล วิทยาศาสตร์ 2 ยิ่งเล่นยิ่งสนุก ยิ่งคิดยิ่งฉลาด

หนังสือ 77 วิทยากล วิทยาศาสตร์ 2 ยิ่งเล่นยิ่งสนุก ยิ่งคิดยิ่งฉลาด

เขียนโดย มิชิโอะ โกโต
แปลโดย ดังเจตน์ เชี่ยววัฒนา และ รศ.ดร.ยุวดี เชี่ยววัฒนา

หนังสือ 77 วิทยากล วิทยาศาสตร์ เคยได้รับความสนับสนุนจากผู้อ่านอย่างล้นหลาม ยิ่งไปกว่านั้นกลวิทยาศาสตร์ได้มีบทบาทในการเชื่อมสายสัมพันธ์ระหว่างสมาชิกในครอบครัวอย่างกว้างขวาง การที่หนังสือ หนังสือ 77 วิทยากล วิทยาศาสตร์ เคยเป็นหนังสือติดอันดับหนังสือขายดีนั้นอันเนื่องมาจากเนื้อหาที่สามารถนำกลมาใช้ได้โดยใช้เพียงอุปกรณ์ที่หาได้รอบๆ ตัว และใครๆ ก็สามารถปฏิบัติตามได้ ซึ่งผู้เขียนได้มีการทดลองทำซ้ำแล้วซ้ำอีก และดังแปลงประยุกต์ให้สามารถปฏิบัติตามได้โดยง่าย

เมื่อแสดงกลวิทยาศาสตร์ให้เด็กๆ ชม จะมีเสียงเฮฮาแสดงความตื่นเต้น ประหลาดใจ ซึ่งจะเห็นได้จากดวงตาที่เปล่งประกายแสดงความอยากรู้อยากเห็น หากเราเตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ให้เด็กๆ จะขมักเขม้นลองทำดูด้วยตนเอง และเมื่อทำสำเร็จก็จะตื่นเต้นดูใจเป็นอย่างมาก ในการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์นั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการทำให้เด็กที่เรียนเกิดความประทับใจในวิทยาศาสตร์ สมัยที่ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ได้เรียนวิชาวิทยาศาสตร์กับอาจารย์ชาโต้ ครั้งหนึ่งอาจารย์ชาโต้ได้ปิดไฟในห้องวิทยาศาสตร์ให้มืดเหลือเพียงแสงอาทิตย์ลำเล็กๆ ที่ส่องเข้ามา อาจารย์ใช้ปริซึมแยกแสงให้ไปตกกระทบบนกระดาษขาว เห็นเป็น 7 สี ตอนนั้นผู้เขียนหนังสือเล่มนี้รู้สึกประทับใจกับความงามของแสงสีรุ้งเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนั้นอาจารย์ยังได้สาธิตถึงความมหัศจรรย์ของรังสีเอกซ์โดยทดลองนำกระเป๋าสตางค์วางลงบนแผ่นกระจกที่เรืองแสงด้วยรังสีเอกซ์ ทำให้มองเก็นเหรียญที่อยู่ข้างในกระเป๋า การทดลองนี้ทำให้ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ฉงนสนเท่ห์เป็นอย่างมาก และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้จึงหลงใหลและสนุกกับการเรียนรู้ในวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการทำให้คนเราสามารถเห็นในสิ่งที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า ความประทับใจในวิทยาศาสตร์ที่อาจารย์ชาโต้ได้ปลูกฝังไว้ในวัยเด็กยังคงอยู่ในตัวของผู้เขียนตราบจนปัจจุบัน

ผู้ปกครองและผู้ใหญ่ในปัจจุบันอาจลืมถึงความสำคัญของการสร้างความประทับใจเช่นนี้ให้แก่เด็กๆ ซึ่งโดยธรรมชาติแล้วมีความสนใจในวิทยาศาสตร์อยู่ในตัว หากเราสร้างความประทับใจให้เกิดขึ้น ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความอยากรู้อยากเห็น เด็กจะลองคิด ลองสร้างสิ่งของต่างๆ ด้วยตนเอง หรือแม้กระทั่งทำการทดลองของตัวเอง หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากลวิทยาศาสตร์ทั้ง 77 กล ในหนังสือเล่มนี้จะมีส่วนช่วยสร้างความประทับใจให้แก่เด็กๆ และส่งเสริมให้เด็กๆ ได้มีความคิดสร้างสรรค์ที่กว้างไกลยิ่งๆ ขึ้นไป

วันจันทร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ เจ้าแม่ขายตรงแห่งญี่ปุ่น โยชิดะ โยโกะ

หนังสือ เจ้าแม่ขายตรงแห่งญี่ปุ่น โยชิดะ โยโกะ

หนังสือ เจ้าแม่ขายตรงแห่งญี่ปุ่น โยชิดะ โยโกะ

เขียนโดย โยชิดะ โยโกะ
แปลโดย สุวิมล
เรียบเรียงโดย ทิพวรรณ อภิวันท์วรรัตน์

เจ้าแม่ขายตรงแห่งญี่ปุ่น "โยชิดะ โยโกะ" เป็นเรื่องราวของผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ในงานขาย ภายหลังจากการค้นพบและเข้าใจตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง เธอก้าวจากเด็กสาวที่ขาดความมั่นใจ มีชีวิตที่ไร้แก่นสารไปสู่ความเป็นนักขายมืออาชีพที่โด่งดัง และทรงอิทธิพลมากที่สุดคนหนึ่งในญี่ปุ่น ความสำเร็จของ โยชิดะ โยโกะ ถือเป็นแบบอย่างที่ดีของการพยายามที่จะทำให้ฝันของตนเป็นจริงโดยไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งมวล

คุณสมบัติของผู้ที่จะประสบความสำเร็จอาจมีมากมาย แต่สิ่งหนึ่งที่บุคคลเหล่านี้ต้องมีร่วมกันก็คือ ความมุ่งมั่นและจริงจังต่อความต้องการของตน ภายใต้การคำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวมมากกว่าส่วนตน โยชิดะ โยโกะ ถ่ายทอดสิ่งเหล่านี้ออกมาเป็นเรื่องราวได้อย่างสนุกสนานและน่าสนใจ นอกจากนั้นในการบอกเล่าเรื่องราวที่เหมือนการพูดคุยระหว่างผู้เขียนและผู้อ่านนี้ ได้สอดแทรกเทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เทคนิคการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า วิธีการปฏิบัติตนเพื่อนำเสนอตนเองและสินค้า รวมทั้งเทคนิคการทำงานให้ประสบความสำเร็จ ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ไม่มีในตำรา หากแต่เกิดขึ้นจากการปฏิบัติจริง ผ่านการทดลองจนตกผลึก และกลั่นกรองออกมาเป็นตัวหนังสือ ที่เมื่ออ่านแล้วเหมือนได้เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์จริงเหล่านั้นด้วย

เนื้อหาหนังสือประกอบด้วย
1. สร้างความสัมพันธ์เชื่อมใจกับลูกค้า
2. เงื่อนไขของการพูดคุยที่สร้างความสำเร็จ
3. เทคนิคการสร้างงานขาย
4. กฏการทำงานที่ผู้ประสบความสำเร็จเท่านั้นที่รู้
5. สร้างสินค้าที่ขายยาวนาน ด้วยความเอาใจใส่และความรัก

มีคนอีกเป็นจำนวนมากมายที่มีจินตนาการและความฝันว่าอยากจะประสบความสำเร็จ แต่ยังไม่พบทางที่เหมาะสม ดังนั้นจึงหวังว่าหนังสือเล่มนี้จะก่อประโยชน์ จุดประกายให้ผู้อ่านก้าวไปสู่ความสำเร็จตามที่ตั้งใจและหวังไว้ "โยชิดะ โยโดะ" อดีตสาวออฟฟิตที่จับอะไรเป็นต้องล้มเหลว สู่เจ้าของธุรกิจเครื่องสำอางและอาหารเสริมที่ขายดียาวนานกว่า 20 ปี เคล็ดลับอะไรที่ทำให้เธอกลายเป็นพนักงานขายตรงที่มีผลงานอยู่ในอันดับสูงสุด และผู้ดำเนินรายการทีวีช็อปปิ้งผู้สร้างสถิติยอดขายสูงสุดในประวัติศาสตร์ แค่เพียง 1 วัน ก็สามารถขายได้มากกว่า 40,000 ชิ้น เรียนรู้แบบฉบับการขายเฉพาะตัวจากประสบการณ์ความสำเร็จของเธอ ทั้งการเริ่มพบปะ รับมือกับข้อร้องเรียน จูงใจให้คล้อยตาม และเจรจาปิดการขาย เพื่อสร้างรูปแบบการขายของคุณให้โดดเด่นกว่าใคร ความสนุก ความมั่นใจ และการเสนอขายที่สมบูรณ์แบบ พร้อมจะเป็นเจ้าของ นักขายเช่นคุณแล้ว

วันอาทิตย์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2556

หนังสือ 101 วิธีช่วยให้เด็กฉลาด

หนังสือ 101 วิธีช่วยให้เด็กฉลาด

หนังสือ 101 วิธีช่วยให้เด็กฉลาด

เขียนโดย ดร.อัลวิน เอช. ไพรซ์ และเจย์ เอ. แพร์รี่
แปลและเรียบเรียงโดย รักษิณา

"มีสูตรมหัศจรรย์สำหรับเลี้ยงลูกให้มีความสุข สุขภาพแข็งแรงหรือไม่" พ่อแม่หลายคนมักจะถามปัญหานี้แน่นอน สูตรมหัศจรรย์อาจจะมีอยู่จริงในโลกเทพนิยาย แต่ในชีวิตจริงก็ใช่ว่าจะไม่มีสูตรที่ใกล้เคียงกันนี้ 101 วิธีช่วยให้เด็กฉลาด คือสูตรมหัศจรรย์ของคุณ

101 วิธีช่วยให้เด็กฉลาด จะบอกให้คุณรู้ว่า ลูกของคุณรู้สึกอย่างไรต่อตัวเองด้วยว่าความคิดความรู้สึกทุกอย่างที่เด็กมีต่อตัวเองนี้แหละ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับความรู้สึกภาคภูมิใจในตัวเองของเด็ก และเจ้าความภาคภูมิใจในตัวเองนี้เอง ที่สัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับทัศนะการมองโลกมองชีวิตของเขา จนกระทั่งเราพูดได้เต็มปากเต็มคำว่า ประสบการณ์ทุกอย่างของเด็กมีผลกระทำต่อความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองของเขา ทั้งในแง่สร้างสรรค์และบ่อนทำลาย

ความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองนี้จึงเปราะบางและอยู่ในภาวะล่อแหลมยิ่งนัก หากพ่อแม่เลี้ยงไม่ถูกวิธี แต่คุณไม่ต้องวิตก สูตรมหัศจรรย์ในหนังสือเล่มนี้ช่วยคุณได้ เคล็ดลับอยู่ตรงที่ว่า ถ้าคุณสามารถสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้แก่ลูกได้ ก็เท่ากับคุณประสบความสำเร็จในการสร้างรากฐานที่ดีให้แก่ลูกของคุณแล้ว คุณจะเสริมสร้างความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองให้แก่ลูกได้อย่างไร ไม่ยากเลยเพียงแต่คุณปฏิบัติตามวิธีการง่ายๆ ที่ไม่ซับซ้อนแต่อย่างใด เช่น คุณต้องช่วยให้ลูกรู้ว่าเขาเป็นที่ยอมรับภายในบ้าน ช่วยให้เขามีประสบการณ์แห่งความสำเร็จ ช่วยให้เขารู้ว่าตัวเขามีความสำคัญ มีพลังความสามารถมีสมรรถภาพเป็นยอด

มีวิธีการมากมายที่สามารถนำลูกไปสู่ความรู้สึกเหล่านี้ได้ เราขอเสนอให้คุณ 101 วิธี ซึ่งคุณจะนำไปใช้ได้จริง แล้วลูกของคุณจะเติบใหญ่ขึ้นด้วยความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเอง และนั่นหมายความว่าคุณค้นพบสูตรมหัศจรรย์ในการเลี้ยงลูกแล้ว แต่คุณอย่าเข้าใจไปว่าจำเป็นต้องปฏิบัติให้ครบถ้วนทั้ง 101 วิธี พ่อแม่ที่สมบูรณ์แบบไม่มีอยู่ในโลกนี้ เพียงแต่คุณอาจเข้าใกล้ลักษณะของพ่อแม่ดังกล่าวได้ก็ด้วยการพยายามปฏิบัติตาม 101 วิธีช่วยให้เด็กฉลาด เล่มนี้ แต่คุณไม่จำเป็นต้องทำตามทุกตัวอักษร ลองเลือกวิธีการที่คุณสนใจ แล้วนำมาดัดแปลงให้เข้ากับสภาพครอบครัวของคุณ ปรับให้มันใข้ได้ผลสำหรับคุณ เมื่อสำเร็จไปวิธีการหนึ่งแล้ว ก็จงเลือกปฏิบัติต่อไปอีกสองสามวิธี แล้วก็อีกสองสามวิธีเรื่อยไป

การเสริมสร้างความภาคภูมิใจในตนเองให้แก่ลูกนั้น ต้องค่อยเป็นค่อยไป ทีละก้าว ทีละขั้น จากวิธีการต่างๆ ในหนังสือเล่มนี้ ซึ่งสามารถใช้ได้กับลูกวัยทารกจนกระทั่งถึงวัยรุ่น อย่าปฏิบัติเพียวครั้งเดียวแล้วก็เลิกรากันไป ปฎิบัติซ้ำๆ ให้บ่อยๆ ตลอดห้วงระยะเวลาเติบโตของลูกคุณ อ่านสารบัญให้ครบถ้วนทั้ง 101 วิธีเสียก่อน แล้วจึงเลือกบางหัวข้อที่คุณสนใจลองปฏิบัติดู แล้วเลือกเพิ่มขึ้นอีกสองสามหัวข้อ ลองปฏิบัติดูอีก ในไม่ช้าคุณก็จะพบว่าความรู้สึกภาคภูมิใจในตนเองของลูกเติบใหญ่ขึ้น และครอบครัวคุณจะได้รับประโยชน์มหาศาลจากความรู้สึกนี้

วันเสาร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2556

คู่มือกระตุ้นความคิดให้ผลิตไอเดีย - How to Get Ideas

คู่มือกระตุ้นความคิดให้ผลิตไอเดีย - How to Get Ideas

เขียนโดย แจ๊ค ฟอสเตอร์
แปลโดย อรทัย พันธพงค์, พูนลาภ อุทัยเลิศอรุณ
คู่มือกระตุ้นความคิดให้ผลิตไอเดีย - How to Get Ideas

คู่มือกระตุ้นความคิดให้ผลิตไอเดีย หนังสือขายดีระดับโลก ด้วยเทคนิคทางจิตวิทยาที่จะทำให้คุณคิดไอเดียใหม่ๆ ได้ดีขึ้นและเร็วขึ้นเป็นทวีคูณ

นับเป็นเวลารวมกันกว่า 17 ปีแล้วที่ แจ๊ค ฟอสเตอร์ สอนวิชาโฆษณาให้กับมหาวิทยาลัยเซาท์เธิร์นแคลิฟอร์เนีย วิชาดังกล่าวเปิดสอนปีละหนึ่งครั้ง ครั้งละ 16 สัปดาห์ ภายใต้การสนับสนุนของสมาคมเอเยนซี่โฆษณาแห่งสหรัฐอเมริกา วิชานี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้ความรู้พื้นฐานแก่นักศึกษาระดับปริญญาโทที่ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มสาวไฟแรงที่ทำงานในแวดวงโฆษณา แจ๊ค ฟอสเตอร์ และอาจารย์ท่านอื่นๆ ที่ช่วยกันสอนวิชานี้ได้พูดถึงประเด็นต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับโฆษณา ซึ่งพวกเขาคิดว่าน่าจะครอบคลุมหัวข้อสำคัญๆ แล้ว แต่เมื่อการสอนในปีแรกสิ้นสุดลง แจ๊ค ฟอสเตอร์ ได้ให้นักศึกษาช่วยกับตอบแบบประเมินการสอน ซึ่งหนึ่งในคำถามที่สำคัญคือ ยังมีเรื่องสำคัญที่ไม่ได้พูดถึงอีกหรือเปล่า

"ไดเดีย" พวกเขาตอบ "อาจารย์บอกพวกเราว่าโฆษณาทุกอันต้องเริ่มจากไอเดีย" นักศึกษาคนหนึ่งเขียนว่า "แต่อาจารย์ไม่เคยบอกพวกเราเลยว่าไดเดียคืออะไร แล้วเราจะคิดไอเดียใหม่ๆ ได้อย่างไร" ดังนั้น แจ๊ค ฟอสเตอร์ จึงพยายามพูดถึงไอเดียและวิธีการคิดไอเดียใหม่ๆ ตลอดสิบหกปีหลังจากนั้น ไม่ใช่แค่ไอเดียในการคิดโฆษณา แต่หมายถึงไอเดียทุกอย่าง

ไอเดียใหม่ๆ เปรียบเหมือนวงล้อแห่งความก้าวหน้า ถ้าปราศจากไอเดียแล้ว ความชะงักงันก็จะเข้ามาครอบงำ ไม่ว่าคุณจะเป็นนักออกแบบที่ต้องคิดแฟชั่นเสื้อผ้าใหม่ๆ สถาปนิกที่ต้องออกแบบอาคารให้ต่างออกไปจากเดิม ผู้บริหารบริษัทที่ต้องคิดกลยุทธ์ทางธุรกิจที่ต่างจากคู่แข่ง นักคิดโฆษณาที่ต้องหาวิธีนำเสนอสินค้าให้โดนใจลูกค้า ครูสอนชั้น ป.5 ที่ต้องคิดหลักสูตรการเรียนการสอนใหม่ๆ หรือกระทั่งอาสาสมัครที่ต้องหาวิธีใหม่ๆ ในการขายสลากกาชาด ความสามารถในการคิดไอเดียใหม่ๆ นับเป็นปัจจัยสำคัญที่กำหนดความสำเร็จของคุณ

เนื้อหาหนังสือประกอบด้วย
บทนำ ทางลัดสู่การปลดปล่อยศักยภาพทางความคิดในตัวคุณ

ส่วนที่ 1 “ไอเดีย” คืออะไร?
ทำความเข้าใจความหมายที่แท้จริงของคำว่า "ไอเดีย"

ส่วนที่ 2 ปรับความคิดและจิตใจของคุณให้พร้อมสำหรับการคิดไอเดียใหม่ๆ
สนุกกับสิ่งที่คุณทำ
ทำให้ไอเดียเป็นฝ่ายวิ่งมาหาคุณเอง โดยที่คุณไม่ต้องวิ่งไล่ล่ามัน
จดจ่ออยู่กับเป้าหมาย แล้วคุณจะไปถึงจุดนั้นโดยไม่รู้ตัว
ปลุกความเป็นเด็กในตัวคุณ เพื่อกระตุ้นความคิดสร้างสรรค์
เรียนรู้เทคนิคพิเศษที่จะช่วยให้คุณซึมซับข้อมูลได้มากขึ้นเป็นทวีคูณ
เอาชนะความกลัวและความท้อแท้ เมื่อไอเดียของคุณถูกปฏิเสธ
ปรับวิธีคิดให้สามารถคิดได้อย่างสร้างสรรค์มากขึ้น
รู้จักวิธีผสมผสานความรู้เดิมๆ ให้กลายเป็นไอเดียใหม่ๆ

ส่วนที่ 3 5 ขั้นตอนที่จะช่วยให้คุณคิดไอเดียให้ดีขึ้น มากขึ้นและเร็วขึ้น
ตั้งคำถามที่ถูกต้องให้กับปัญหา
รวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้ได้มากที่สุด
ค้นหาไอเดีย ด้วยวิธีคิดแบบพิเศษที่ช่วยให้คุณคิดไอเดียได้อย่างพรั่งพรู
หยุดคิดถึงมันสักพัก แล้วปล่อยให้จิตใต้สำนึกทำหน้าที่คิดไอเดียแทนคุณ
นำไอเดียไปใช้จริง

หนังสือเล่มนี้เขียนขึ้นจากประสบการณ์เกี่ยวกับการคิดไอเดียใหม่ๆ ที่ แจ๊ค ฟอสเตอร์ ได้แลกเปลี่ยนกับนักศึกษาของเขา หวังว่าทุกคนคงได้ความรู้และสนุกไปกันมันเช่นกัน